ส.ประกันส่งซิกบริษัทรับมือพอร์ตมอเตอร์หด

 
นายก ส.ประกันวินาศภัย ชี้แนวโน้มภาพรวมประกันรถยนต์โตอืดในช่วง 10 ปีนี้ กดสัดส่วนพอร์ตมอเตอร์เหลือ 50% ของพอร์ตรวมจากปัจจุบัน 60% หลายค่ายพาเหรดปรับไส้ในกรมธรรม์ "ลดเบี้ย-ลดคุ้มครอง" ล่อใจลูกค้าต่ออายุประกันชั้น 1 ยุคเศรษฐกิจฝืด ระบุประกันชั้น 2 และชั้น 3 ราคาถูกลดทุนคุ้มครอง เผยเทรนด์ประกันสุขภาพโตเร็ว เป็นแรงส่งให้ประกันภัยสดใส
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ทิศทางของยอดขายประกันภัยรถยนต์ (พอร์ตมอเตอร์) จะมีสัดส่วนลดลงในระยะข้างหน้านี้ หลังจากที่ปีนี้มีสัญญาณพอร์ตมอเตอร์อาจไม่เติบโตเท่าที่ควร ซึ่งเป็นผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ทำให้บริษัทประกันวินาศภัยต้องปรับตัวกันในขณะนี้ ประกอบกับรัฐบาลมีโครงการรถไฟฟ้าที่ทยอยทำอยู่ คาดว่าไม่เกิน 10 ปีข้างหน้านี้จะเรียบร้อย จะเป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมการใช้รถยนต์เปลี่ยนไป ดังนั้นบริษัทประกันวินาศภัยจะมีสัดส่วนของพอร์ตมอเตอร์ที่ปรับลดลง จากปัจจุบันที่สัดส่วนอยู่ที่ 60% ของพอร์ตประกันรวม ก็คาดว่าจะปรับสัดส่วนเหลือ 40-50% ในเวลาไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้ช่วง 2 ปีก่อนหน้า ประเทศไทยมียอดขายรถยนต์สูงมาก โดยปี 2555 มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 1.4 ล้านคัน และปี 2556 อยู่ที่ 1.35 ล้านคัน ขณะที่ภาวะปกติจะมียอดขายเฉลี่ยปีละ 8 แสนคัน และเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% หรือประมาณ 8 หมื่นคัน ดังนั้นเมื่อคำนวณจากยอดซื้อช่วง 2 ปีก่อน พบว่ามีการซื้อรถยนต์ที่สูงมากเกินภาวะปกติถึงจำนวน 1.15 ล้านคัน เรียกได้ว่าเป็นการเติบโตล่วงหน้ากว่า 10 ปี
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล กรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน ตลาดประกันรถยนต์ค่อนข้างเงียบ ทำให้บริษัทประกันภัยแต่ละแห่งต้องปรับตัวเพื่อดึงฐานลูกค้าเดิมให้คงอยู่กับบริษัทมากที่สุด โดยจะมีการปรับเงื่อนไขด้านความคุ้มครองให้สอดรับกับค่าเบี้ยประกันที่ปรับลดลง หรือการคิดค่าเบี้ยประกันเท่าเดิม แต่เพิ่มความคุ้มครองพิเศษ เป็นต้น เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้ต่อกรมธรรม์ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าตลาดรถยนต์น่าจะกลับมาดีขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ตลาดประกันภัยรถยนต์ดีตามไปด้วย ส่วนทิศทางตลาดประกันรถยนต์จะมีการเติบโตน้อยลงในระยะ 10 ปีข้างหน้านั้น ตนเชื่อว่าประเทศไทยยังมีความต้องการใช้รถยนต์อยู่แน่นอน ดังนั้นการทำประกันส่วนนี้จึงยังไม่น่าเปลี่ยนแปลงมาก
สำหรับส่วนของ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ นายจีรพันธ์กล่าวว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนจากซื้อประกันชั้น 1 มาเป็นประกันชั้น 2 และชั้น 3 แทน ซึ่งจะมีทุนประกันคุ้มครองระดับต่ำลงมาอยู่ประมาณ 1-2 แสนบาทต่อคัน แต่ในกรณีที่รถยนต์ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระกับสถาบันการเงินยังจำเป็นต้องต่อประกันชั้น 1 อยู่
นโยบายเราก็จับทุกกลุ่มลูกค้าไม่ว่าชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 แต่ปีนี้จะขยายไปตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพราะมีปัจจัยด้านเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ แต่ภาคใต้จะขยายตัวได้ช้ากว่าที่อื่นเพราะได้รับผลกระทบจากราคาพืชเกษตร เช่น ยาง ปาล์ม เป็นต้น ทำให้กำลังซื้อลดลง ก็กระทบการโตในส่วนของการขายประกันรถยนต์ แต่เราก็ยังเห็นตัวอื่นเติบโตได้ เช่น ประกันสุขภาพ นายจีรพันธ์กล่าว
ด้านนายมาร์ติน รูแอค กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.แอกซ่าประกันภัย กล่าวว่า ผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลง ทำให้สัดส่วนพอร์ตมอเตอร์ของบริษัทลดลงตาม โดยปัจจุบันพอร์ตมอเตอร์ของบริษัทมีสัดส่วนอยู่ที่ 50% และน็อนมอเตอร์อยู่ที่ 50% ซึ่งในส่วนของน็อนมอเตอร์พบว่า ประกันสุขภาพมีการเติบโตที่เร็ว ทำให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 15-20% ของพอร์ตน็อนมอเตอร์
ส่วนช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีกลยุทธ์ขยายตลาดลูกค้ารายย่อยมากขึ้น คาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยคอนโดมิเนียมที่จะคุ้มครองในกรณีน้ำท่วมในห้อง ส่วนด้านประกันสุขภาพอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขยายช่วงอายุความคุ้มครองแก่ลูกค้า ปัจจุบันให้ความคุ้มครองถึงอายุก่อน 70 ปี
 
ที่มา : มิตรแท้ประกันภัย